เดิมทีมนุษย์เราจะตั้งถิ่นฐานตรงไหนก็ตาม เรื่องน้ำเป็นปัจจัยอย่างแรกที่มนุษย์ต้องคำนึงถึง เนื่องจากน้ำเป็นวัตถุดิบสำคัญในการดำรงชีวิตั้งแต่กิน ดื่ม ใช้งาน อาบน้ำ ทำการเกษตร และอีกมากมายต้องใช้น้ำทั้งนั้นเลยไม่แปลกที่การตั้งถิ่นฐานจะต้องอยู่ใกล้น้ำผิวดินอย่างแม่น้ำ ลำคลองก่อน แต่บางกลุ่มก็เลือกห่างจากน้ำผิวดินไปมองหาน้ำในดินและน้ำบาดาลแทน ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
ความลึกของแหล่งน้ำ
น้ำในดิน และ น้ำบาดาลความแตกต่างข้อแรกก็คือ ระดับความลึกในการขุดน้ำในดินนั้นจะเป็นน้ำที่อยู่ไม่ลึกมากเท่าไร เรียกว่าขุดลึกลงไปกว่าต้นไม้ที่เกิดในบริเวณนั้นก็จะเจอแหล่งน้ำในดินแล้ว แต่หากต้องการจะขุดเจาะน้ำบาดาลอันนี้เรื่องใหญ่เลยเพราะว่าต้องขุดลงไปลึกถึงลึกมาก ต้องผ่านชั้นดินหลายชั้น จนบางครั้งต้องเจาะเข้าไปถึงชั้นหินเลย เพื่อที่จะทะลวงเข้าไปหาแหล่งน้ำบาดาล
ปริมาณของน้ำ
สาเหตุที่เราต้องมองหาน้ำในดิน หรือ น้ำบาดาล ก็เพื่อเอาขึ้นมาใช้ประโยชน์ทั้งการดำรงชีพ และ การเกษตร ซึ่งปริมาณของน้ำมีผลอย่างมากต่อการเลือกใช้งาน หากเป็นน้ำในดินการขุดเจาะจะง่ายกว่า แต่ปริมาณน้ำในดินก็ไม่ได้มากพอขนาดนั้น ส่วนใหญ่เหมาะกับการเจาะเพื่อใช้เป็นครั้งคราวมากกว่า หรือไม่ก็ขุดเจาะเป็นบ่อเพื่อรอรับน้ำฝนตามฤดูกาล แต่น้ำบาดาลแตกต่างกัน น้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำที่มีปริมาณมาก สามารถดึงขึ้นมาใช้ได้เยอะ แม้จะเสียเวลาการขุดเจาะ เสียค่าใช้จ่าย แต่ผลที่ได้ตอบรับกลับมาคุ้มค่ามาก ใครที่ทันการเจาะน้ำบาดาลกลางหมู่บ้านที่เป็นแท่นโยกแล้วใช้ร่วมกันทั้งหมู่บ้าน นั่นแหละปริมาณของน้ำบาดาลล่ะ
ความสะอาดของน้ำ
น้ำที่ดีนอกจากเรื่องของปริมาณ ความสะอาดต้องได้ด้วย หากได้น้ำที่ไม่สะอาดมาอุปโภค บริโภค รับรองได้ว่า เราอาจจะป่วยหรือเกิดโรคอะไรตามมาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีวิธีการทำน้ำให้สะอาดไม่ว่าจะเป็นผสมคลอรีน แกว่งสารส้ม เอาไปต้ม เอาไปกรองก็ตาม แต่หากน้ำสะอาดอยู่แล้วก็อาจจะไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ ซึ่งน้ำผิวดินอาจจะไม่สะอาดเท่าไรเนื่องจากมันยังสะสมเป็นเวลาไม่นาน และยังไม่กระบวนการกรองจากธรรมชาติเท่าไร ส่วนน้ำบาดาลบอกเลยว่าสะอาดมากเนื่องจากน้ำผ่านการกรองจากชั้นดิน ชั้นหินหลายชั้น ทำให้เชื้อโรค เศษสิ่งสกปรกโดนกรองออกไปหมด รวมถึงมันยังสะสมเป็นเวลานานจนทำให้ตะกอนนองก้นไปหมด เมื่อเราสูบน้ำขึ้นมาจึงสะอาดพร้อมใช้งานได้เลย ยิ่งถ้าเอาไปทำการเกษตรน้ำบาดาลยิ่งเหมาะเพราะมันอุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย